[รีวิว] แอนิเมชั่นขนาดสั้นที่เข้าชิงออสการ์ปี 2017



เป็นอีกหนึ่งปีของออสการ์และแปลว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ผมต้องมารีวิวแอนิเมชั่นขนาดสั้นที่เข้าชิงออสการ์กันอีกแล้ว ดังนั้นแล้วไม่รอช้า มาชมกันเลยครับ

อ้อ สปอยล์นะ

*** Borrowed Time ***

เรื่องราวของนายอำเภอที่มายืนอยู่ริมผา


Borrowed Time เป็นตอนสั้นที่เข้าใจง่ายดี ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากนัก มันเป็นเรื่องของชายที่คิดจะฆ่าตัวตายเพราะเผลอฆ่าพ่อของตัวเอง Metaphor หลักของเรื่องนี้คือนาฬิกา ตามชื่อเรีองว่า Borrowed Time (เวลาที่ถูกยืมมา) เพราะเหมือนเปรียบเปรยว่าตัวเอกเอาแต่จมอยู่กับเรื่องการฆ่าพ่อตัวเองจนเวลาหยุดเดิน พอตัวเอกจะฆ่าตัวตายแล้วเจอนาฬิกา แล้วร้องไห้ นาฬิกาก็กลับมาเดินอีกครั้งเหมือนกับให้อภัยตัวเองแล้วเวลาก็เดินต่อไป สำหรับผมคิดว่าคอนเซ็ปท์มันแปลกๆ และไม่ค่อยรู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับเรื่องนี้เท่าไหร่ งานภาพโอเคไม่ได้มีอะไรติชม เรื่องนี้ผมให้ 3/5

*** Pearl ***

เรื่องราวของรถยนต์กับครอบครัว


ถ้าว่ากันตามตรงคือ Pearl ไม่ได้มีเนื้อหาที่ล้ำลึกอะไรมากนัก แต่มันโดดเด่นตรงที่เป็นการ์ตูน 360 ที่เราจะได้นั่งอยู่ในรถยนต์คันหนึ่ง และได้มองได้ฟังเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่มีกับรถยนต์คันนี้ผ่านบทเพลง อย่างที่บอกไปว่าไม่มีอะไรลึกล้ำ เนื้อหาง่ายๆของพ่อกับลูกสาว แต่เด่นที่มุมมอง 360 องศาที่เราสามารถมองไปรอบๆเพื่อดูบรรยากาศโดยรวมได้ ซึ่งผมยอมรับว่าบางจุดมันก็รู้สึกดี แต่บางจุดรู้สึกเฉยๆ แต่ผมว่าการ์ตูน 360 นี่น่าจะเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับอนาคตน่ะนะ เรื่องนี้ผมให้ 4/5

*** Blind Vaysha ***

เด็กหญิงเกิดมาพร้อมกับดวงตาที่สามารถมองเห็นทั้งอดีตและอนาคตได้


จริงๆผมไม่ค่อยเข้าใจอย่างนึงคือมันเป็นเทรนด์หรือไงที่เวลามีเซ็ตติ้งที่ประเทศโลกที่สาม มันจะต้องทำออกมาแปลกๆ/น่ากลัวๆด้วยเนี่ย? ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้น มีงานภาพที่แปลกและน่ากลัว จริงๆในจำนวนเรื่องทั้งหมดที่เข้ารอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่มีเนื้อหาลึกซึ้งที่สุด ซึ่งเล่าถึงชีวิตของ Vaysha ที่ดวงตาไม่อยู่กับปัจจุบัน และเธอก็ไม่รู้จะทำยังไงดี จนถึงขั้นคิดจะควักลูกตาออกข้างนึง แต่ก็ไม่รู้จะควักข้างไหน เพราะข้างที่เห็นอนาคตก็หดหู่ ข้างที่เห็นอดีตสบายใจกว่าแต่ต้องมาเห็นพ่อแม่เป็นเด็กๆ และสุดท้ายหนังก็ได้ตั้งคำถามถึงดวงตาของเราว่ามองเห็นอดีตหรืออนาคตกันล่ะ ซึ่งเป็นประเด็นที่ลึกซึ้งพอสมควร หนังสั้นมากที่ 8 นาที แต่มีประเด็นน่าสนใจให้ขบคิดเหมือนกัน เรื่องนี้ผมให้ 4/5

*** Pear Cider and Cigarettes ***

Rob ได้รับจดหมายจากเพื่อนชื่อ Techno ที่บอกว่าตนตายแล้ว Rob จึงเล่าเรื่องของเขากับ Techno


เรื่องนี้ยาวพอสมควร 34 นาที พอๆกับการ์ตูนทีวีตอนนึงเลย หนังเป็นสไตล์อาร์ทๆหน่อยผสมผสานกันระหว่าง 3D และ 2D ให้ความรู้สึกคล้ายๆ Motorcity อยู่เหมือนกัน แต่ชอบใช้ภาพซ้ำๆหลายครั้งไปหน่อย เนื้อเรื่องจะเป็นการเล่าเรื่องแบบ Flashback (ตอนแรกเล่าซ้อนกันคือย้อนอดีตตอนไปหา Techno ที่จีน แล้วย้อนอดีตตอนเป็นเด็กๆอีกที) ขณะที่เนื้อหาก็ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่นัก เน้นการเล่าเรื่องไปเจอนั่นเจอนี่ และที่มันไม่โดดเด่นก็เพราะเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง ก็เลยไม่ได้โอเวอร์หรือมีจินตนาการอะไรเท่าไหร่นัก แต่โดดเด่นที่งานภาพ ซึ่งเรื่องนี้ไปชนะรางวัล Annie ด้านโปรดัคชั่น เรื่องนี้ผมให้ 2/5


*** Piper (ผู้ชนะ) ***

เรื่องราวของลูกนกกับการเรียนรู้ริมฝั่งทะเล


เรื่องนี้ฉายแปะหน้า Finding Dory และหลายคนคงจะประทับใจไปกับความน่ารักและความเนี้ยบของภาพ ซึ่งเนี้ยบจริงๆ เนี้ยบแบบที่ว่าถ้าผม cap ภาพมาเฉยๆคงแยกไม่ออกแน่ว่านี่ของจริงหรือ CG ตัวหนังบอกเล่าเรื่องของการเติบโต ความกล้า และการมองโลก หนังดูง่ายๆ สบายๆ และเรียกเสียงหัวเราะได้ดี ก็สมฝีมือของ Disney แหละนะ เรื่องนี้ผมให้ 4/5

*** สรุป ***

เป็นอันจบไปสำหรับปีนี้ ซึ่งสำหรับปีนี้ผมไม่ออกความเห็นเรื่องความเหมาะสมของผู้ชนะละกัน เพราะปีนี้ดูเหมือนคนลงคะแนนไม่ค่อยดูภาพยนตร์สั้นกันเท่าไหร่นัก บางคนบอกจำไม่ได้ บางคนบอกไม่สนใจด้วยซ้ำ แต่ถ้าให้ผมเลือก ผมอยากให้ Blind Vaysha ชนะเพราะเนื้อหาดี แต่ Piper ชนะก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร เพราะตัวหนังมันก็ดีอยู่แล้วระดับหนึ่ง (แต่สู้ Sanjay ของปีที่แล้วไม่ได้ เนื้อหาดีกว่า)


แล้วคุณล่ะ? ชอบ/ไม่ชอบเรื่องไหนกันบ้าง

No comments:

Post a Comment