[Review] Skylanders Academy (Season 1) - สกายแลนเดอร์ รวมพล!

พูดกันตรงๆ ผมไม่เคยเล่น Skylanders และ Spyro ดังนั้นไม่มีความหลังฝังใจกับมันทั้งนั้น

อย่างที่เรารู้กันว่า Spyro เป็นหนึ่งในตัวละคร iconic สมัยเครื่อง PS1 โดยฝีมือ Imsominac จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนมือเจ้าของกันและส่งผลให้เกมเลวร้ายลงเรื่อยๆ ขณะที่แฟนๆคาดหวังให้ Spyro กลับมายิ่งใหญ่ Activision เจ้าของ Spyro คนปัจจุบัน มอบหมายให้บริษัทคืนชีพ Spyro ขึ้นมา บริษัทเกมนั้นเลยเอาเทคโนโลยีของเล่นผสมกับเกมเข้ามาใช้จึงได้กลายเป็น Skylanders และกลายมาเป็นหนึ่งในเกมที่ทำมหาศาลเพราะของเล่น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ปัจจุบันเกมยืดยาวมาถึง 6 ภาค และแต่ละภาคก็พยายามเพิ่มตัวละครใหม่ๆเข้ามาตลอดจนมีมหาศาลจนแทบล้น

ดังนั้นแล้วไม่รู้เหมือนกันว่า Activision Blizzard คิดยังไงถึงทำ Skylanders Academy ออกมา (ว่ากันว่าเอาไว้ฝึกไปทำการ์ตูนเพื่อจะได้ไปทำโครงการใหญ่กว่าอย่าง Overwatch อะไรแบบนี้) แต่ในเมื่อออกฉายแล้วจะสนุกจะห่วยหรือยังไง ก็ลองดูละกัน และโชคดีที่มันลง Netflix ไทย ที่สามารถหาชมได้ง่ายและมีพากย์ไทยและซับไทยให้ด้วย

อย่างที่บอกไว้ว่า Skylanders มีตัวละครมหาศาล ดังนั้นฉบับการ์ตูนจึงได้เลือกตัวละคร 5 ตัวมาเป็นตัวละครหลัก แน่นอนก็มี Spyro ส่วนอีกสี่ตัวคึอ Eruptor มนุษย์หินที่มีพลังไฟ Stealth Elf เอล์ฟสาวกับความสามารถย้ายร่าง Jet-Vac เหยียวบินไม่ได้ถือปืนลม และ Pop Fizz นักวิทยาศาสตร์บ้าชอบทำน้ำยา ซึ่งทั้งห้าก็จะมาผจญภัยในสถาบัน Skylanders โดยมี Khaos ซึ่งตั้งเป้าจะทำลาย Skylanders อะไรพวกนี้แหละ ซึ่งก็หลายคนคงจะเห็นแล้วว่ามันคอนเซ็ปท์เดียวกับ Sonic Boom เด๊ะๆ คือทีมออกเดินทางไปเจอนั่นเจอนี่ แล้วก็เกิดเรื่อง แล้วก็แก้ปัญหากัน ซึ่งว่าอะไรไม่ได้ เพราะซีรี่ส์นี้มันขายเด็กอยู่แล้ว

มาว่ากันเรื่องงานภาพก่อน ภาพโอเค ผมว่าดีกว่าพวก 3D ของการ์ตูนทีวีพอสมควร อย่างเรื่องแสงและเงาอะไรพวกนี้เรนเดอร์ดี แต่ฉากสว่างๆก็สว่างไปหน่อย ขณะที่โมเดลตัวละครค่อนข้างโอเค และดูลื่นไหล (และบางทีก็ลื่นเกินไปแบบ Spyro มันแว้บเลย) และแอนิเมชั่นใบหน้าค่อนข้างดี รวมไปถึง Spyro ที่หน้าในเกมภาคล่าสุดผมว่าน่าเกลียด พอทำการ์ตูนได้รับการออกแบบใหม่เลยดูดีขึ้นเยอะ

ทีนี้มาเนื้อหาและบทบ้าง  อย่างที่รู้กันคือมันเป็นการ์ตูนตลก แต่ถามว่ามันดีกว่า Sonic Boom มั้ย ต้องเรียกได้ว่ามันมีที่ดีกว่าและที่แย่กว่า มุมที่ดีกว่าคือเรื่องนี้ยังมีบทโดยรวมสนุกกว่า และตัวละครที่จริงจังกว่า (Sonic Boom นี่มันปรับให้ตัวละครโง่กันหมด) ส่วนจุดที่แย่คือบทประจำตอนค่อนข้างจืด (เช่น ตอน Eruptor โกรธแล้วไปเข้าคอร์สบำบัดความโกรธ อันนั้นใช้จนเกร่อแล้ว) และมุขตลกส่วนใหญ่ไม่ค่อยขำเท่าไหร่นัก มุขมัน random เกินไปหน่อย จู่ๆก็มีไอ้นั่น จู่ๆก็มีไอ้นี่ รวมถึง Running gag ที่ Jet-Vac ตกใจแล้วมีไข่ออกมาเงี้ย มัน meh ไปหน่อยนะ อีกปัญหานึงคือตัวละครที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะบทบาทของตัวละคร เช่น Pop Fizz ที่เนื้อเรื่องบอกว่าอยู่โรงเรียนนี้มา 20 ปีแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกว่ามันจะแก่หรืออาวุโสตรงไหน

แต่จุดสำคัญที่ผมว่า SA เหนือกว่า Sonic Boom คือมันมี "พล็อต" ด้วย โดยพล็อตหลักของเรื่องคือเรื่อง Core of Light ช่วงกลางเรื่องเปิดตัว Doom Raiders ซึ่งเป็นทีมผู้ร้าย ช่วงท้ายเรื่องเป็นตอนคัมภีร์แห่งความมืด ซึ่งอันนี้ต้องชมนะ คือมันไม่ได้ตลกทั้งตอน แต่มันมีพล็อตเรื่องคอยสอดแทรกไปกับเนื้อหาตลก โดยเฉพาะตอนจบนี่แหละ ที่ผมต้องบอกแบบ เฮ้ย ไม่เลวนี่หว่า มี cliffhanger ให้ติดตามต่อซีซันใหม่ด้วยเนี่ย

เรื่องตัวละครเนี่ย ผมชมอย่างนึงคือมันผสมตัวละครของเกม Skylanders เกือบทุกภาค อย่าง Spyro, Eruptor และ Stealth Elf ก็มาจากเกมภาคแรก Jet-Vac และ Pop Fizz มาจากภาค Giants ส่วน Ka-Boom และ Snap Shot ที่เป็นยามเฝ้าก็มาจากภาค Trap Team และ Roller Brawl, Wind Up จากภาค Swap Force รวมถึง Kingpen, Doom Raider และ Cy ก็มาจาก Imaginators และยังมีรถ SuperCharger โผล่มาในบางตอนด้วย ซึ่งสำหรับการ์ตูนที่ดัดแปลงจากเกมผมต้องชมว่าดีนะที่มันใส่มาได้เยอะ (Sonic Boom นี่แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย) แต่พูดถึงเรื่องนี้แล้วน่าเสียดายที่ถ้าไม่นับพวกตัวเอกแล้ว ไม่ค่อยมีใครมีบทบาทจริงๆจังๆเท่าไหร่ (ยกเว้น Snap Shot) จริงๆถ้าให้แต่ละตอน Skylander คนอื่นๆนอกจากทีมตัวเอกคอยสลับมามีบทบาทบ้างก็คงดี

สรุปแล้ว Skylanders Academy ซีซัน 1 สนุกมั้ย ผมว่ามันโอเคนะ ถึงแม้พล็อตจะเห่ย มุขจะแป้กบ่อย แต่การมีพล็อตเรื่องเคียงคู่ไปกับเนื้อหาตลกแล้ว อันนี้ต้องขอชมเชยนะ และแน่นอนว่าการอยู่กับ Netflix มีข้อดีคือไม่ต้องห่วงเรื่องราคา ถ้าไม่ชอบก็ยังมีอีกหลายเรื่องใน Netflix ให้ดูอีก

---

สรุป

+ งานภาพดี
+ พล็อตเรื่องโอเค
+ ผสมตัวละครจากเกมหลายๆภาคได้ดี

- เนื้อหาบางทีก็งั้นๆไปหน่อย
- มุขตลกไม่ค่อยตลก
- เป็นซีรี่ส์ที่ขายตัวละครเป็นหลัก แต่ตัวละครอื่นๆที่ไม่ใช่ตัวเอกกลับไม่มีบทบาทอะไรเลย

คะแนน: 7/10