[Review] The Boss Baby - ภาพยนตร์ Dreamworks แรกของปี 2017



The Boss Baby เป็นอีกหนึ่งในหนังของ Dreamworks ที่...พูดตรงๆนะ ไม่ได้รู้สึกน่าสนใจเท่าไหร่นัก ยิ่งขณะที่ฝ่ายซีรี่ส์กำลังมีโครงการน่าสนใจอยู่มาก ขณะที่ฝั่งภาพยนตร์กลับลดความน่าสนใจลง ดังนั้นแล้วก็มาดูกันว่าภาพยนตร์เรื่องแรกของปีนี้จะไปได้สวยมั้ย (และต่อด้วย Captain Underpants เดือนมิถุนายน)

The Boss Baby มีคอนเซ็ปท์ง่ายๆคือ "สิ่งที่ทำผิดแผกธรรมชาติของมัน" เหมือนกับ "หอยทากวิ่งเร็ว" ใน Turbo แบบนั้นเลย เนื้อเรื่องคือ Timothy Templeton เด็กชายลูกคนเดียว พ่อแม่ทำงานบริษัทสัตว์เลี้ยง Puppy Co. วันนึงได้พบว่ามีเด็กทารก Boss Baby มาอยู่กับเขาด้วย เด็กทารกคนนั้นมาจากองค์กร Baby Corp ซึ่งเด็กทุกคนจะเกิดที่นั่นแล้วถูกส่งตัวมาให้ครอบครัวต่างๆ แต่บางคนอย่าง Boss Baby จะเกิดมามีความพิเศษ ก็จะได้ไปอยู่ฝ่ายบริหาร คอยทำงานและไม่ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ที่ Boss Baby มานี่เพราะว่าพวกเด็กทารกกำลังถูกแย่งความรักไปโดยลูกหมาของบริษัท Puppy Co. ดังนั้นเหล่าเด็กทารกจึงได้รับภารกิจให้แทรกซึมเข้ามาที่ครอบครัวของพนักงาน แล้วหาให้ได้ว่าลูกหมาตัวใหม่ที่จะเปิดตัวคือตัวอะไร ระหว่างนั้น Timothy รู้ความจริงเข้าเลยหาทางเปิดโปง Boss Baby ให้ได้ แต่สุดท้ายทั้งสองต้องทำงานร่วมกันเพื่อหาข้อมูลให้ได้เพราะ Boss Baby สัญญาว่าถ้าเขาได้ข้อมูลแล้ว เขาจะได้เลื่อนขั้นและออกไปจากชีวิตของ Timothy แต่ถ้าไม่ได้เขาจะต้องเป็นน้องของ Timothy ตลอดไป

แน่นอนว่าพล็อตเรื่องเป็นแบบนี้ คอนเซ็ปท์ของเรื่องคือเรื่องของครอบครัว ผมชอบตรงนี้หนังมีอยู่โทนเรื่องอยู่ 2-3 แบบคอยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างช่วงต้นเป็น Timothy คนเดียว ก็จะเป็นโทนเรื่องอบอุ่นใจ พอ Boss Baby ปรากฏตัวออกมา คราวนี้โทนเรื่องจะเปลี่ยนเป็นพี่น้องกัดกัน และพอเข้าช่วงกลางถึงท้ายเรื่องก็จะเป็นการร่วมมือกันของทั้งสอง


หนึ่งในประเด็นหลักของหนังคือเรื่องของการถูกแย่งความรักเมื่อมีน้อง ซึ่งผมเคยเห็นการ์ตูนหลายเรื่องใช้ประเด็นนี้ (Artur อะไรพวกนี้) ถึงแม้ผมจะไม่มีประสบการณ์แบบนี้ (เพราะผมพี่น้องหลายคน) แต่ผมก็เข้าใจความรู้สึกของเด็ก และหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดประเด็นนี้ออกมาได้ดีและชัดเจนโดยผนวกกับจินตนาการของ Timothy เอง ผมว่าหลายซีนเหมือนจะรู้สึกไปกับ Timothy จริงๆว่าเขากลัวจะเสียความรักไปจริงๆ

ถ้าใครชอบมุขตลกประเภทสิ่งทำผิดธรรมชาติของมันล่ะก็ต้องชอบเรื่องนี้แน่ มุขตลกส่วนใหญ่จะเป็นมุขประเภท "นี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กทำ แต่เด็กมันทำได้" อะไรแบบนี้ โดยเฉพาะฉากประเภทเอาของนั่นนี่มาเลียนแบบของจริงๆ อย่างเอารถเข็นเด็กมาทำเป็นอาวุธ มุขตลกส่วนใหญ่ก็มีทั้งมุขตลกแบบนี้ และมุขน่ารักชวนขำแบบเด็กๆ และมีมุขล้อเลียนอะไรพวกนี้ด้วย ซึ่งผมยอมรับว่าถึงแม้มุขมันง่ายๆ แต่อย่างน้อยมันก็รู้สึกลงตัวกว่า Trolls นะ (และผมรู้สึกคนขำเยอะกว่าในโรงด้วย แต่ตอนผมไปดูนี่คนเพียบเลยนะ)

ขณะเดียวกันสิ่งหนึ่งที่ต้องชมคืองานภาพ ไม่ใช่ที่ความสวยงาม เนื่องจากในเรื่องได้บอกว่า Timothy เป็นเด็กช่างจินตนาการ ดังนั้นจุดหนึ่งที่หนังทำได้ดีคือเมื่อเข้าสู่จินตนการการเราได้เห็นภาพและสไตล์ที่ต่างกันออกไป ซึ่งทำให้ตัวหนังมีความแปลกดีไม่น้อย และเรื่องจินตนาการนี่เองที่ทำให้คนดูตั้งคำถามหลังหนังจบด้วย ซึ่งผมว่าก็ดีนะที่มีอะไรให้คิดบ้าง รวมถึงงานภาพให้อารมณ์กระฉับกระเฉงดี เพราะเรื่องนี้มีฉากเคลื่อนไหว ฉากวิ่งไล่ และตัวละครขยับไปมาอยู่ตลอด ไม่มีช่วงให้หายใจหายคอเลยก็ว่าได้


แต่ไอ้เพราะความไวนี่แหละทำให้หนังขาดอารมณ์ไปหน่อยนึง อย่างฉากชวนซึ้ง มันสั้นจิ๊ดเดียว (แบบ ไม่ถึง 3 นาทีเลย) และไอ้ฉากซึ้งนี่ก็ไม่สมเหตุผลเท่าไหร่นัก อย่างฉากเครื่องบินเงี้ย คือ Timothy ไม่เคยบอกในหนังแม้แต่นิเดียวเลยว่ากลัวเครื่องบิน คือเพิ่งมาบอกตอนเนี้ยแหละ มันเลยรู้สึก meh และถึงแม้ประเด็นหนังเรื่องการเสียความรักของพ่อแม่ไปทำออกมาได้ดี แต่ปัญหาคือหนังมันเดาทางง่ายไปและไม่ได้มีจุดเด่นให้จดจำเท่าไหร่นัก ใช่ การ์ตูนแอนิเมชั่นมันก็เดาทางง่ายทุกเรื่องนั้นแหละ เพียงแต่ถึงจะเดาง่ายมันก็ต้องมีอะไรน่าสนใจหรือ twist เล็กๆ อย่าง Moana มีเรื่องของผู้ร้ายอะไรพวกนี้สิ

The Boss Baby ไม่ใช่หนังที่แปลกใหม่หรือน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะคอนเซ็ปท์ "สิ่งทำผิดธรรมชาติ" เป็นคอนเซ็ปท์ที่สร้างมุขตลกได้ง่าย เลยไม่ค่อยน่านใจเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวประเด็นหลักอย่างเรื่องพี่น้อง เรื่องครอบครัว ทำออกมาได้ดี ก็ถือว่าไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก คะแนนมะเขือเน่าอยู่ที่ 5.4 หรือครึ่งทาง ก็ประมาณนั้นแหละ แต่ผมให้สนุกกว่า Trolls นะ เพราะผมรู้สึกเรื่องนี้มันยังให้อะไรมากกว่า Trolls หน่อยๆ

อนึ่งคือเรื่องนี้สร้างจากหนังสือภาพ เท่าที่ผมอ่าน หนังสือภาพจะเป็นการพูดว่าเด็กทารกเหมือนเจ้านายที่คอยสั่งนู่นสั่งนี่ ไม่ได้มีเรื่องขององค์กรอะไรเลย (และบทพูดในหนังสือก็ถูกเอามาใช้ในภาพยนตร์ด้วย)




สรุป

+ งานภาพหลากหลายในส่วนของจินตนาการ
+ หนังกระฉับกระเฉงว่องไว้ดี
+ ชูประเด็นของพี่น้องโดยเฉพาะการถูกแย่งความรักได้ดี

- หนังเดาทางง่ายเกินไป
- ไม่ค่อยมีจุดเด่นอะไรให้น่าติดตาม
- มุขตลกเด็กๆไปหน่อย

คะแนน: 7/10

No comments:

Post a Comment