First Impression: Tangled: The Series - WIND IN MY HAIRRR!



หลังจากฉบับมูฟวี่ Before Ever After ที่ถึงแม้จะมีขึ้นๆลงๆบ้างแต่โดยรวมแล้วผมก็ประทับใจจงานภาพและเนื้อหาพอสมควร ดังนั้นก็มาดูกันว่าฉบับซีรี่ส์จะเป็นยังไงบ้าง

ฉบับซีรี่ส์แน่นอนว่าต่อจากภาพยนตร์ ซึ่งผมดูทั้งหมดสามตอน ตอนแรก What the Hair?! เป็นตอนที่ Rapunzel และ Cassandra ออกเดินทางไปหาพ่อมดเพื่อหาทางแก้ปัญหาผมยาว ขณะที่ Eugene โดนค่อนขอดว่าเป็นคนเก็บความลับไม่เก่ง จึงไม่อยากให้ Rapunzel เล่าเหตุผลจริงๆที่ผมยาว ตอนสอง Rapunzel's Enemy เป็นตอนที่ Rapunzel พบว่า Monty ช่างทำขนมที่เป็นที่รักของทุกคนโห่ใส่ตน เลยพยายามหาว่าทำไมและจะแก้ไขยังไง ขณะที่ Eugene และ Cassandra ดูแลโกเฟอร์สำหรับเทศกาลประจำเมือง Corona และตอนสาม Fitzherbert P.I. เป็นตอนที่ Eugene โดน Cassandra ค่อนขอดว่าทำงานอะไรไม่ได้ Eugene ก็เลยไปสมัครเป็นยามในวัง ขณะที่ Rapunzel จะต้องได้รับการวาดรูปเพื่อใช้เป็นรูปทางการ ก็เลยกังวลว่าจะวางท่ายังไงดี

ผมเชื่อว่าหลายคนคงเห็นแล้วว่าทั้งสามตอนเป็นสไตล์สองพล็อต (คล้ายๆ Littlest Pet Shop) แต่ทำออกมาดี อย่างแรกที่ต้องชมคือทัง้สองพล็อตมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ไม่ได้แยกเป็นเอกเทศแบบบางเรื่อง และสองคือการคานสมดุลระหว่างพล็อตทั้งสองพล็อตทำได้ดี ทำให้พอพล็อตมาบรรจบกัน มันจะรู้สึกไม่แปลกแยก และเนื้อหาเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน


แต่ในขณะเดียวกันผมเชื่อว่าหลายคนคงสังเกตเห็นแล้ว และนี่แหละคือปัญหาแรกที่ผมเห็นในเรื่องนี้ (อนาคตอาจจะไม่มี แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นปัญหา) คือมันมีเซ็ตติ้งที่คล้ายกันไปหน่อย คือตอน 1 กับ 3 ที่มีเรื่องว่าด้วย Eugene โดนค่อนขอดมาว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ ผมเข้าใจว่าบางครั้งการค่อนขอดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างพล็อต แต่มันจะดีกว่านี้ถ้ามีวิธีนำเข้าสู่พล็อตให้แตกต่างกัน อย่างที่บอก แค่ตอนนี้ถือเป็นข้อเสีย รวมถึงฉาก Eugene กลับไปที่ร้านเหล้าที่เคยใช้ในภาพยนตร์ ซึ่งมันก็แปลกๆอย่างที่เคยบอก เหมือนแบบ เฮ้ ฉากนี้มีในภาพยนตร์นะ ก็เอากลับมาใช้ใหม่สิ อะไรเงี้ย หวังว่าคงไม่ใช้บ่อยๆนะ เบื่อกันพอดี

การเขียนบทนั้นทำออกมาได้ดี และตัวละครก็พัฒนาขึ้นจาก BEA อย่าง Rapunzel ที่ตอนแรกผมกลัวว่าพล็อตเรื่องจะเน้นการพยายามอยากขัดธรรมเนียม เจ้าหญิงไม่ยอมเป็นเจ้าหญิงอะไรแบบนี้ แต่ในฉบับซีรี่ส์ไม่ได้เป็นแบบนั้น ในซีรี่ส์ Rapunzel ยอมรับธรรมเนียมและไม่ขัดข้อง ขณะเดียวก็มีวิธีของตัวเองในการแก้ปัญหา และได้พยายามทำอะไรใหม่ๆบ้าง อย่างตอน 3 เงี้ย ผมนึกว่ามันจะเป็นแบบ ม่ายทำไมฉันต้องโพสท่าแบบนั้นด้วย แต่บทสรุปกลับทำออกมาได้ดี


Eugene จากเดิมที่ผมชอบใน BEA ในฉบับซีรี่ส์ยิ่งดีขึ้น นอกเหนือจากฝีปากแพรวพราวขึ้นแล้วยังได้รับบทตัวปัญหาประจำตอน และฉลาดมีไหวพริบแบบโจรที่ใช้แก้ปัญหาได้ (BEA ไม่ได้ทำอะไรเลย พูดจริงๆ) ส่วน Cass หลังจบตอน 1 ก็อ่อนต่อ Eugene ลง มีเชียร์ Eugene มีร่วมทำงานได้ดี ซึ่งทำให้ผมรู้สึกโอเคกับตัวละครนี้เพิ่มขึ้นเลยล่ะ

ภาพรวมของบทนั้นโอเค คือไม่ได้ขำก๊าก แต่ก็ไม่ได้ลุ้นหรือตื่นเต้นอะไร ยังคงเป็นสไตล์การ์ตูนเจ้าหญิงหน่อยๆอยู่ แต้ด้วยบทบาทและนิสัยของตัวละครที่ดีขึ้น ทำให้ภาพรวมสนุก ดูได้เพลินๆ  แต่กระนั้นบางจุดผมรู้สึกมันยืดหน่อยๆ เหมือนต้องพยายามยืดให้มันครบ 22 นาทีแบบนั้นน่ะ นอกจากนั้นเพลงเปิดที่ถึงแม้จะทำดี การใช้ 3D เพื่อตอนรับกับฉบับภาพยตร์และเอฟเฟคท์ค่อนข้างดี แต่คลิปจาก BEA ที่เอามาใช้นั้นมันไม่เข้ากับเพลงเท่าไหร่ จริงๆน่าจะวาดใหม่ซะหน่อยนะ พูดจริงๆ

พูดถึงเพลงแล้ว อีกหนึ่งจุดที่ดีมากคือไม่ได้ยัดเพลงทุกตอน ซึ่งถือเป็นเรื่องดี

โดยรวมแล้ว Tangled: The Series ถึงแม้ไม่ได้ขั้นเทพอะไรแต่ก็ดูได้เพลินๆ และแน่นอนว่าก็มีพล็อตเรื่องแน่นอนจากตอนจบของ BEA ซีรี่ส์นี้วางแผนไว้แล้วว่า 3 ซีซัน 78 ตอน บวกสองตอนพิเศษ ถ้ารักษามาตรฐานไว้ได้ ก็จะเป็นการ์ตูนที่ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

5 comments:

  1. ขอถามได้มั้ย ทำไมดีสนีย์ยุคนี้ห่วยจังคับยุค recess kim possible kuzco ฯลฯ ไรพวกนี้สนุกทุกเรื่อง

    ReplyDelete
    Replies
    1. เรื่องคุณภาพมันสู้สมัยก่อนไม่ได้อยู่แล้วเพราะคนมันเปลี่ยน ลูกค้าเปลี่ยน ยุคสมัยมันเปลี่ยน

      Delete
    2. พอจะมีวี่แววมั้ยคับที่จะมีการ์ตูนแบบนั้นออกมาอีก55555 ปล.พอดีผมพึ่งเห็นมีบล็อคที่นำเสนอเรื่องพวกนี้ด้วยน่าสนใจดีคับ

      Delete
    3. อาจจะมีโอกาสอยู่ แต่เป็นไปได้ยาก เพราะอย่างที่บอก คนมันเปลี่ยนไป ทั้งผู้ใหญ่และเด็กสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ทั้งในแง่ความคิดอ่าน (เอาแต่ใจสูง หาเรื่องได้ทุกอย่าง) การมาของอินเทอร์เน็ตทำให้ต้องเร่งทำเพื่อออกฉาย อะไรพวกนี้แหละครับ

      Delete
  2. ถ้าดูเนื้อเรื่องแบบ big picture
    ตอน before ever after คือตอนที่ พระราชาของ เอเลนเดล ในเรื่อง frozen จะต้องมาคุยกับ พระราชาของ โคโลน่า เรื่องของ Elsa ว่าจะเอายังไงกันต่อ แต่ดันเรือล่มมาไม่ถึง เลยจะดูอารมณ์เสีย ค่อนข้างมาก

    ถ้ามอง แบบคนที่สร้างเรื่องนี้อยู่ด้านหลังจะพบว่า
    เรื่อง Tangled คนที่วางโคลง visual art จริงๆน่าจะเป็นคนที่ทำตำแหน่ง virtual art ของ the series ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียว ของ Glen ชื่อ Claire Keane , Glen เป็น Staff ระดับตำนานของ Disney วางตัวเรื่องนี้ให้ลูกสาวตัวเอง ก็ไม่น่าแปลก เพราะงั้น the Series ที่เห็น ก็ควรจะเป็นตัว original มากกว่า Tangled movie นะครับ
    แต่ถ้าอยากดูสนุก เนื้อเรื่องคุณภาพ production แบบไม่มีตำหนิเลย ดู Star vs season 3 ดีกว่าครับ

    ReplyDelete