Amazon Prime Video คุ้มค่ามั้ยสำหรับคนชอบดูการ์ตูน?



เมื่อปลายปีที่แล้วทาง Amazon เว็บขายของเจ้าใหญ่แห่งอเมริกา ได้เปิดบริการ Amazon Prime Video สำหรับซึ่งเป็นบริการ stream หนังไม่อั้น (คล้ายๆ Netflix) กอปรกับเมื่อเดือนที่แล้ว Niko and Sword of Light หนึ่งในการ์ตูนของ Amazon ที่คนสนใจกันได้ฉายฉบับซีรี่ส์ตอนแรกออกมาแล้ว จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทดลองหน่อยว่า Amazon Prime Video ที่มีหนังให้ดูมากมายมหาศาล สำหรับคนดูการ์ตูนแล้ว มันจะคุ้มค่าขนาดไหนกัน

* รายชื่อหนังจากวันที่ 10 กรกฎาคม 2560

-- รู้จักกับ Amazon, Amazon Prime และ Amazon Prime Video ก่อน --

เว็บ Amazon เป็นเว็บขายของเจ้าใหญ่ของอเมริกาที่บริการลูกค้าดีมาก (ตามที่ผมเคยชมไป) ซึ่งนอกจากการขายสินค้าเป็นชิ้นๆ Amazon ยังขายสินค้าดิจิตอล เช่น หนังสือดิจิตอล เพลงดิจิตอล เกมดิจิตอล และหนังดิจิตอล ซึ่งเป็นการซื้อเหมือนกับซื้อของใน Steam / iTunes คือซื้อแล้วโหลดมาดูโหลดมาฟังเท่าไหร่ก็ได้

หน้าเว็บของ Amazon Video ซึ่งระบุว่าหากเป็นสมาชิก Prime จะดูอะไรได้ และได้ส่วนลดอะไรบ้าง

Amazon ได้เปิดบริการพิเศษขึ้นมาเรียกว่า Amazon Prime โดยมีสิทธิประโยชน์หลายอย่าง เช่น ส่งด่วนแบบฟรี (สองวัน) รวมถึงบริการดิจิตอลแบบไม่อั้น (เท่าที่ Amazon มีให้) เช่น Prime Video สำหรับหนัง Music Unlimited สำหรับเพลง Prime Reading สำหรับหนังสือเป็นต้น แต่บริการพวกนี้ส่วนใหญ่สำหรับคนที่อยู่ประเทศเดียวกับ Amazon นั้นๆ (การซื้อสินค้าเป็นชิ้นๆสามารถซื้อได้ทั่วโลก) และแน่นอนว่าเราไม่มี Amazon ประเทศไทย ดังนั้น Prime จึงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้สำหรับคนไทย (แต่สมัครได้นะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันมันใช้อะไรได้บ้าง)

แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา Amazon ได้หยิบบริการ Prime Video แยกออกมาสำหรับลูกค้าที่ไม่ใช่สามารถใช้ Amazon Prime ได้ (หรือก็คือไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกับ Amazon) เพื่อสู้กับ Netflix ด้วยค่าบริการที่ถูกกว่า Prime ปกติและเว็บ Stream หนังอื่นๆ $2.99 ต่อเดือนสำหรับ 6 เดือนแรกและ $5.99 ต่อเดือนหลังจากนั้น หากไม่มั่นใจสมัครฟรีได้ 7 วัน

สำหรับการเข้าชมนั้น สามารถเข้าชมได้สองช่องทางคือเว็บ Amazon ที่สามารถกดเซิร์ชหาหนังเหมือนเซิร์ชหาสินค้าได้เลย แต่ส่วนใหญ่ล็อคโซน (อ่านข้อต่อไป) กับอีกทางคือเว็บ Prime Video ซึ่งเป็นเว็บสำหรับ Prime Video โดยเฉพาะ

-- การ์ตูนที่ให้ดูไม่ได้เยอะขนาดนั้น และส่วนใหญ่ล็อคโซน --

สำหรับคอซีรี่ส์ Prime Video ถือว่าน่าประทับใจ เพราะมีซีรี่ส์ให้หลากหลาย ทั้ง Preacher และ Downton Abbey สำหรับ Amazon Original หรือผลงานของ Amazon เองก็มีให้ดูพอสมควร

แต่สำหรับคอการ์ตูนนั้นถือว่าน่าผิดหวังพอสมควร การ์ตูนแบบภาพยนตร์มีให้ดูทั้งหมด 7 เรื่อง ครับ 7 เรื่อง และไม่ต้องไปเซิร์ชที่เว็บ Amazon เลย เพราะมันจะขึ้นว่าล็อคโซนหมดและไม่ให้ดูเพราะเนื่องจาก เว็บ Amazon มันสำหรับสมาชิก Prime ประจำประเทศนั้นๆ สำหรับเราที่ไม่ใช่ ก็ต้องดูที่ Prime Video

ถึงจะแปะว่าเป็น Prime (หรือแม้แต่ Amazon Original เองก็ตาม) ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ดูทุกเรื่อง

สำหรับซีรี่ส์นั้นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ คืออย่าง Netflix Original ที่เป็นการ์ตูนเนี่ย มีถึงสามสิบกว่าเรื่อง ต่อให้ตัดที่ co กับทาง Dreamworks ที่ติดเรื่องลิขสิทธิ์ไป ก็ยังมีตั้งเยอะ แต่ Amazon Original กลับมีที่เป็นการ์ตูนแค่ 8 เรื่อง และดันล็อค Tumble Leaf กับ Little Big Awesome แถม Niko and the Sword of Light, Danger & Eggs และ Lost in Oz ไม่มีให้เลือกในเว็บ Prime Video ต้องไปกดดูผ่านทางเว็บ Amazon แทน และที่แย่ที่สุดคือ Danger & Eggs มีล็อคบางตอนด้วย อะไรเนี่ย?

แล้วการ์ตูนที่ไม่ใช่ Amazon Original มีให้ดูแค่สองเรื่อง คือ Oggy and the Cockroaches ซีซัน 4 และ Zig & Shark แค่นั้นแหละ จริงอยู่ที่ถ้าดูที่เว็บ Amazon มีการ์ตูนตั้งเยอะแยะแต่ส่วนใหญ่ล็อคโซนทั้งหมด เข้าไปดูไม่ได้เลย

ซึ่งตลกตรงที่ Amazon ได้จัดหนังที่เรียกว่า "สำหรับเดินทาง" ซึ่งได้รวมรายการที่ไม่ได้ล็อคโซนไว้ แล้วก็มีอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง กลับกันผมเคยไปดู Netflix ของสิงคโปร์ ก็มีทั้งหมดเท่าๆกับที่เรามี พูดง่ายๆคือในเชิงลิขสิทธิ์แล้ว Amazon ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการทำข้อตกลงและทำให้บริการของตัวเองคุ้มค่าทั้งสำหรับคนทั่วโลกและคนที่เดินทางไปต่างประเทศ ตรงข้ามกับ Netflix ที่สามารถทำได้

-- สำหรับอนิเมะ --

ถึงแม้การ์ตูนจะมีน้อย แต่อนิเมะมีเยอะพอสมควร ซึ่งน่าจะมาจากการที่ Amazon ได้เปิดตัว Anime Strike ทึ่เป็นบริการดูอนิเมะแบบไม่อั้นอยู่ (แต่ไม่รวมใน Prime) ก็เลยทำให้ Prime Video ได้อนิเมะมาดูด้วย


ที่เด่นๆก็เช่น Haikyu!! 2 ซีซัน Black Butler 2 ซีซัน  Nanoha ครบทุกซีรี่ส์ และก็มีเยอะพอสมควร สมัครเดือนนึงน่าจะดูครบแล้ว ซึ่งถือว่าเหนือกว่า Netflix ตรงที่ไม่ Netflix ไม่ค่อยมีอนิเมะเท่าไหร่แหละ

-- เกร็ดความรู้ --

ตัว Player ของ Amazon นั้นมีระบบที่เรียกว่า X-Ray เมื่อกดเปิดแล้้วกรณีเราขยับเมาส์แล้วแผงควบคุมโผล่ออกมา มันจะคอยโชว์ข้อมูลของหนังจากจุดที่เราดูอยู่ (โดยเชื่อมกับ IMDB) เช่น นักแสดง/นักพากย์ในตอนนั้น เกร็ดความรู้ของหนัง ข้อผิดพลาดของหนัง ฯลฯ ซึ่งถือว่าจุดนี้เหนือกว่า Netflix พอสมควรแต่ไม่ใช่อะไรที่สำคัญขนาดนั้น


เพราะว่ามันไม่ได้มีแบบนี้ทุกเรื่อง บางเรื่องขึ้นตามเวลาหนัง (เช่น Hugo) บางเรื่องไม่ขึ้น แต่รวบข้อมูลให้กดหากันเอง (เช่น Hotel Transylvania)

-- สรุปแล้ว --

Amazon Prime Video สำหรับคอการ์ตูนนั้นยังไม่ใช่บริการที่คุ้มค่าเงินขนาดนั้น เนื่องด้วยการ์ตูนมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ล็อคโซน Amazon Original บางเรื่องยังไม่ได้เริ่มฉายจริงๆ (Lost in Oz ปล่อยตอนแรกมาสองปีแล้ว ตอนที่เหลือล่ะ?) และไม่ได้หลากหลายหรือน่าสนใจแบบ Netflix ที่มีทั้งสอนเด็ก และมีที่บู๊เช่น Trollhunters หรือ Castlevania

Tumble Leaf หนึ่งในการ์ตูนสำหรับเด็กที่ได้รับรางวัลมาเยอะ แต่กลับไม่ให้ฉายนอกอเมริกาโดยไม่มีเหตุผล
เพราะอย่างกรณี Dreamworks ของ Netflix ก็เข้าใจนะว่ามันมีลิขสิทธิ์ระหว่างภูมิภาคกันอยู่ แต่เรื่องนี้ล่ะ?

และนี่คือหลังเปิดตัวมาครึ่งปี ไม่มีอะไรให้ดูเลย กลับกัน วันแรกๆที่ Netflix เปิดตัวในไทย ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่มีอะไรให้ดูมาก แต่ผมก็ยังสนุกกับ Puffin Rock, Ever After High และ BoJack Horseman รวมถึงอย่างน้อยก็มี Friendship is Magic ให้ดู

ดังนั้นแล้วถ้ามีเงิน 100 บาทอยากได้บริการดูการ์ตูนดีๆ เข้าพันทิปหาคนสมัคร Netflix 4 ขาตกคนละ 105 บาทดีกว่า คุ้มเงินกว่ากันเยอะ

อนึ่งไหนๆผมได้ดูการ์ตูนพวกนี้แล้ว เดี๋ยวจะมีบทความรีวิว และ First Impression ของ Lost in Oz, Danger & Eggs และ Niko and the Sword of Light

- LimeSherbet


ผมได้ทำเวอร์ชั่นที่ Facebook ซึ่งจะอธิบายบางเนื้อหาบางส่วนละเอียดกว่า <คลิกตรงนี้>

No comments:

Post a Comment