[รีวิว] แอนิเมชั่นขนาดสั้น 4 ใน 5 เรื่องที่เข้าชิงออสการ์



เอนทรี่นี้ขอแยกจาก My Little Pony มาคุยกันเรื่องโลกการ์ตูนหน่อยดีกว่า อย่างที่รู้กันคือเมื่อไม่กี่วันก่อนออสการ์ก็ประกาศไปเรียบร้อยแล้ว ผลที่ได้คือ Big Hero 6 ชนะแบบขนาดยาว และ Feast ชนะแบบขนาดสั้น

ประเด็นเรื่องที่คนถกเถียงกันคือ Big Hero ควรชนะหรือไม่อันนี้ไปถกกันเอง วันนี้ผมจะมาพูดเรื่องแอนิเมชั่นขนาดสั้นกันดีกว่า

โดยปกติ เวลาพูดถึงหนังสั้น เรามักจะไม่ค่อยได้ดูกันหรอก เพราะหนังสั้นเขาทำประกวดชิงรางวัลอย่างเดียว ไม่ได้ฉายตามโรงให้เราดู ก็มี Feast นี่แหละที่หลายคนอาจจะพอได้ดูก่อน Big Hero ฉาย

เนื่องจากผมได้มีโอกาสดูไปแล้ว 4 ใน 5 เรื่อง (ยกเว้น The Bigger Picture) ก็เลยอยากจะมาเขียนรีวิวสั้นๆกันหน่อย (ส่วนผมได้ที่ไหนอันนี้บอกไม่ได้ นี่ไม่ใช่บล็อกแจกหนัง เสียใจด้วยจริงๆ)

อ้อ สปอยล์นะ


*** Feast ***


Feast เป็นเรื่องของหมาน้อยที่ติดใจอาหารของคน วันหนึ่งเจ้านายมีแฟนและเข้าสู่วิถีกินคลีน ทำให้ชีวิตหมาน้อยไม่มีความสุข แต่เมื่อเจ้านายเลิกกับแฟน มันกลับได้กินตามใจมันอีกครั้ง แต่กลับพบว่าเจ้านายกลับไม่มีความสุขเลย มันเลยตัดสินใจยอมอดความอยากของตัวเองด้วยการให้เจ้านายกลับไปคืนดีกับแฟน


ถ้าถามผมว่า Feast เจ๋งสมควรชนะออสการ์มั้ย? ผมมองว่าเจ๋งครับ แต่ไม่น่าถึงขั้นนั้น เรื่องนี้การเล่าเรื่องทำออกมาได้ดีมาก ไอเดียการ timeskip โดยใช้การกินอาหารเป็นตัวนำ สื่อเนื้อหาได้ดี แอนิเมชั่นสวยมากๆ ยิ่งฉากวิ่งทำได้ดีจริงๆ


แต่ทำไมผมถึงคิดว่า Feast ไม่สมควรได้ ผมเฉยๆกับ Feast ด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือผมมองว่ามันง่ายเกินไป เรื่องนี้ใช้ความน่ารักของหมาเป็นตัวนำเรื่อง โชว์แอนิเมชั่นสวยๆ (โดยเฉพาะจากอาหารและฉากวิ่ง) เนื้อหาค่อนข้าง cliche นั่นคือสุดท้ายหมาก็สำนึกได้ว่าเจ้านายสำคัญกว่าความอยากของมัน และสุดท้ายเมื่อมีลูกกันมันก็ได้กินของอร่อยๆเหมือนเดิม มัน Happy Ending เกินไปหน่อยมั้ง? สองคือมันขาดอารมณ์ร่วม เนื่องจากหนังใช้การ timeskip ทำให้เราไม่ได้เห็นว่า ทำไมเจ้านายเลิกกันแฟน ทำไมแฟนกลับมาคืนดีกันได้? และที่สำคัญคือการใช้ของกินทำให้รู้สึกไม่ใช่เรื่องใหญ่ คือถ้าเป็นผมคงเบิ๊ดกะโหลกหมาแล้วที่ทำมากระแดะเลือกกิน มันไม่มีอารมณ์ร่วมเลยแม้แต่น้อย แต่มันสมกับที่ชนะรางวัลมั้ย? ผมว่าสมดีครับ แค่ผมรู้สึกว่าเรื่องอื่นมันทำได้ดีกว่า

*** The Dam Keeper ***


หมูเป็นคนดูแลเขื่อนที่ต้องทำหน้าที่เปิดการทำงานของกังหันทุกเช้าและเย็นเพื่อให้มันพัดความมืดออกไป คนในเมืองไม่มีใครชอบหมู เด็กๆก็แกล้งหมู วันหนึ่ง หมูพบกับจิ้งจอกและได้กลายมาเป็นเพื่อนกันผ่านทางการวาดรูป ทว่าหมูกลับเห็นรูปจิ้งจอกวาดล้อเลียนตนเอง เลยเสียใจ ร้องไห้ เมื่อถึงเวลาต้องเปิดกังหัน หมูไม่ยอมไปเปิดกังหัน ทำให้ความมืดกลืนกินทั้งเมือง เมื่อหมูดูรูปก็พบว่าจิ้งจอกไม่ได้วาดล้อหมู แต่ล้อตัวจิ้งจอกเองด้วย ทำให้หมูสำนึกผิดและกลับไปเปิดกังหันอีกครั้ง


ผมชอบ Dam Keeper ตรงสไตล์ภาพที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เป็น "การ์ตูนจ๋า" เกินไป และการเล่าเรื่องที่ทำออกมาดีมากๆ ผมชอบที่ตอนจบมันไม่ได้ cliche มากเกินไป นั่นคือคนในเมืองก็ยังเกลียดหมูเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยๆเขาก็ได้คืนดีกับจิ้งจอก


และที่สำคัญคือฉากเค้นอารมณ์ของหมูมันดีกว่าของหมาน้อยใน Feast มาก เพราะหมูในเรื่องนี้คือเขา(นึกว่า)เสียคนที่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนไป อีกทั้งคนทั้งเมืองก็เกลียดเขา ฉากตรงนี้ผมว่ามันเค้นอารมณ์ได้ดีกว่า เสียดายที่เรื่องนี้ไม่ได้

มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมคนเกลียดหมูกันจัง เขาปกป้องพวกเอ็งไว้นะว้อย!

*** Me and My Moulton ***


เด็กหญิง 9 ขวบอยากได้จักรยาน เธอจึงเล่าเรื่องราวครอบครัวของเธอจนมาถึงว่าได้จักรยานใหม่มายังไง ที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องทั้งหมด เพราะผมไม่รู้จะเขียนอะไรดี เนื้อเรื่องเป็นการเอาเรื่องจริงของผู้แต่งสมัยเด็กมาทำ ปัญหาจึงอยู่ที่มันคือชีวประวัติ มันเลยค่อนข้าง random เล็กน้อย เช่นเริ่มจากแนะนำตัว แล้ววกไปเรื่องเก้าอี้มีสามขา เรื่องถอดเสื้อผ้า (มีฉากเด็กผู้หญิง 9 ขวบเปลือยกายทั้งตัวด้วย) เรื่องตัดเสื้อ เรื่องครอบครัวเพื่อนบ้านแยกทางกัน แล้วจบที่จักรยาน


ภาพน่ารักดีนะ ผมไม่ติเรื่องภาพ เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเรื่อง แต่ผมยอมรับว่าผมไม่ค่อยเก็ตเนื้อเรื่องเท่าไหร่ เท่าที่ผมอ่านบทวิจารณ์คนจะชมที่เนื้อเรื่องมันเรียบง่าย สบายๆ และรำลึกถึงวัยเด็ก ซึ่งผมไม่ได้มีวัยเด็กแบบนี้ เลยไม่ซึ้งมั้ง

*** A Single Life ***


A Single Life เป็นเรื่องราวของหญิงสาวได้แผ่นเสียงที่ข้ามเวลาได้ ในเรื่องนี้ไม่มีการพูด แต่ใช้เนื้อเพลงสื่อ หนังค่อนข้างไปทางตลกร้ายนิดหน่อย เด็กๆน่าจะฮาในฉากหมุนแผ่นเสียงยุบพุงกับตอนจบที่หญิงสาว(แก่แล้ว) รีบไปที่แผ่นเสียงก่อนมันจะหมด แต่สายไปแล้ว พอมันหมดชีวิตเธอก็จบทันทีกลายเป็นโถอัฐิ


ใจความของหนังอยู่ที่เนื้อเพลง ผมเข้าใจว่ามันสื่อกลายๆว่าให้ทำอะไรช้าๆ ดูให้ดีๆ เพราะชีวีตเรามีครั้งเดียว (Single Life) ผมว่าน่าจะประมาณนั้น แต่เรื่องนี้ผมเฉยๆนะ ไม่ชอบไม่เกลียด

*** สรุป ***

สำหรับผมแล้วผมเชียร์ The Dam Keeper อยู่นิดๆ เพราะผมค่อนข้างชอบการเล่าเรื่องของเรื่องนี้ สำหรับ Feast ที่ชนะออสการ์ ผมเฉยๆนะ ผมคิดว่า The Dam Keeper ทำได้ดีกว่า

แล้วคุณล่ะ? ชอบ/ไม่ชอบเรื่องไหนกันบ้าง

No comments:

Post a Comment