[Review] The Little Prince - เพราะสิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา (สปอยล์แหลก!)



สำหรับรีวิวตรงนี้จะเติมในส่วนของช่วงสุดท้ายของหนังลงไปด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่าสปอยล์ครับ ใครดูแล้วอยากฟังความเห็นของผมก็ได้เลย แต่ใครยังไม่ได้ดู ผมแนะนำให้อ่านรีวิวที่ยังไม่สปอยล์จะดีกว่าครับ

ก่อนจะเริ่มริวิวนี้ผมอยากจะทำการแนะนำสั้นๆให้กับนิยายเรื่องเจ้าชายน้อยซะหน่อย สำหรับคนที่ไม่รู้จักหนังสือมาก่อน เจ้าชายน้อยเป็นวรรณกรรมเยาวชนจากประเทศฝรั่งเศส เขียนโดย อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี บอกเล่าเรื่องราวของนักบินที่ทำเครื่องบินตกกลางทะเลทรายและได้พบกับเด็กชายคนหนึ่งที่บอกว่าเขาเดินทางมาจากดาวเคราะห์น้อยที่ B612 และได้เจอสิ่งต่างๆกว่าจะมาถึงตรงนี้

เจ้าชายน้อยจัดเป็นวรณณกรรมเยาวชนที่เรียกได้ว่าเนื้อหาค่อนข้างลึกมากๆ ผมอ่านครั้งแรกตอนเรียนวิชาวรรณกรรมที่มหาวิทยาลัย และตอนแรกผมอ่านไม่รู้เรื่องเลย (ตอนอ่านครั้งแรกที่ผมอายุ 21 ปี ผมยังไม่เข้าใจเลย) จนกระทั่งมันถูก reference ในอนิเมะทำให้ผมเข้าใจว่าใจความสำคัญมันคืออะไร

ผมยกเล่มนี้ให้เป็นหนังสืออยากให้ทุกคนได้อ่านสักครั้งในชีวิต เพราะถ้าอ่านเข้าใจแล้วจะได้พบว่ามันเป็นอะไรที่บรรยายไม่ถูก

รูปถ่ายโดยผมเอง

ทีนี้มาว่าเรื่องเจ้าชายน้อยฉบับภาพยนตร์กัน เนื่องจากผมเคยอ่านต้นฉบับมาก่อน ผมรู้ว่าเจ้าชายน้อยไม่มีองค์ประกอบของการจะทำเป็นการ์ตูนออกมาได้เลย ดังนั้นแล้วผมค่อนข้างแปลกใจที่ได้ยินว่ามันจะถูกทำเป็นหนังใหญ่ (ซึ่งมันก็เคยถูกทำเป็นหนังคนแสดงอะไรมาแล้วล่ะ แต่ผมไม่เคยดู ผมไม่พูดถึงละกัน)

สำหรับใครที่หวังจะได้ดูหนังสือมาโลดแล่นเป็นภาพยนตร์อาจจะต้องผิดหวัง เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่เจ้าชายน้อยตรงๆ แต่เนื้อเรื่องหลักจะเป็นเรื่องราวของเด็กหญิงที่ใช้ CGI สร้างขึ้นตามสมัยนิยม เป็นเรื่องราวที่ถูกแม่จัดระเบียบชีวิตไว้อย่างตรงเป๊ะ จนวันหนึ่งเธอย้ายบ้านมาเพื่อจะได้เข้าเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ที่ข้างๆบ้านของเธอมีชายแก่นิสัยแปลกๆอยู่คนนึง พยายามผูกมิตรกับเธอด้วยเรื่องราวในอดีตที่เขาได้พบกับเจ้าชายน้อย ซึ่งเมื่อเด็กผู้หญิงอ่านเรื่องของเจ้าชายน้อย เนื้อเรื่องก็จะสลับไปที่ตัวเจ้าชายน้อยและนักบินในวัยหนุ่ม ซึ่งใช้ Stop Motion เป็นการดำเนินเรื่อง ซึ่งผมต้องยกนิ้วให้ว่าเป็นเทคนิคที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ


การดำเนินเรื่องฝั่งเด็กหญิงนั้นค่อนข้างตรงตามสูตรสำเร็จ นั่นคือดำเนินชีวิตตามระเบียบ ปฏิเสธที่จะคุยกับชายแก่ แต่เมื่อได้อ่านเรื่องเจ้าชายน้อยก็เริ่มสนใจ เริ่มฝืนระเบียบ และก็แน่นอนว่าก็ต้องนำไปสู่ฉากดราม่าต่างๆนาๆ ทางด้านเนื้อเรื่องของเจ้าชายน้อยก็ตรงตามหนังสือพอสมควร มีการแปลงภาพ (เช่น ฉากทุ่งหญ้าในหนังสือเป็นพื้นสีเขียว ในหนังเลยเติมหญ้าให้เยอะๆ) มีตัดบท (นักดื่มกับนักจุดโคมถูกตัดออกไปเลย)

เมื่อกล่าวมาทั้งหมดนั้น ฟังดูเหมือนจะดีนะ แต่ทว่าพอหนังเข้าสู่องก์ที่สามของเรื่อง หนังกลับดำเนินเรื่องในแบบที่ผมไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าแก่นสำคัญของเจ้าชายน้อยนั้น คือ "สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา" แต่หนังกลับเติมเรื่อง "การเติบโตเป็นผู้ใหญ่" เข้าไปด้วย ซึ่งทำให้เกิดฉากสุดท้ายของเรื่องที่เด็กผู้หญิงออกเดินทางไปพบเจ้าชายน้อยที่กลายเป็นผู้ใหญ่และต้องพาเขารำลึกถึงตอนเป็นเด็กให้ได้

เหตุที่ผมไม่พอใจตรงจุดนี้ เพราะว่าตอนจบของเจ้าชายน้อยนั้น  มันเป็นปลายเปิด (เหมือนกับตอนที่เด็กผู้หญิงตั้งคำถามกับนักบินแหละว่าตกลงเจ้าชายน้อยเป็นยังไงกันแน่) หรือก็คือมันให้ผู้อ่านเติมเต็มจินตนาการลงไปเองว่าตกลงจะเป็นอย่างไร เพราะเราไม่ได้เห็นเจ้าชายน้อยด้วยตา แต่เราเห็นเขาด้วยใจ แต่หนังกลับแสดงภาพออกมาว่า นี่ไง กลายมาเป็นคนงานให้นักธุรกิจ ซึ่งถ้าถามผมนะ ตรงนี้เหมือนตบหน้าคนแต่งเรื่องน่ะ เขาอุตส่าห์ทำปลายเปิดให้คิดเอง แต่ดันไปเติมเรื่องให้เขาเสร็จสรรพเพราะต้องการเติมเนื้อเรื่องของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เข้าไปด้วย

กรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับภาพยนตร์ The Lorax ซึ่งในต้นฉบับนั้น ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองที่ไม่มีต้นไม้ ในตอนจบ เด็กชายของเรื่องได้เมล็ดต้นไม้มาแล้วเรื่องก็จบแค่นั้น เป็นเสมือนให้คนอ่านคิดเอาเองว่าเด็กชายจะทำยังไงต่อ แต่ทว่าในฉบับภาพยนตร์แอนิเมชั่นกลับเติมเนื้อเรื่องให้เรียบร้อยว่าเด็กชายเอาไปปลูก (พร้อมเติมฉากแอ็คชั่นหน่อยๆให้) ซึ่งมันเหมือนทำลายความตั้งใจเดิมของผู้แต่งไปหมดสิ้น

แน่นอนว่าผมเข้าใจว่ามันต้องทำ เพราะถ้าทำปลายเปิดมากไป เด็กคงจะไม่เข้าใจกัน หนังแบบนี้ต้องการจุดจบที่ลงตัวอะไรแบบนี้ ก็เข้าใจนะ แต่ยังไงก็ผิดหวังอยู่ดี แต่ที่ผมผิดหวังมากสุดคือ ตรงฉากนี้ ดันใช้ CGI ตลอด คือถ้าสมมุติหนังยังยึดกฎว่า เด็กผู้หญิง = CGI เจ้าชายน้อย = Stop Motion แล้วเอาทั้งสองเทคนิคมารวมกัน ผมว่าจะเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ (แต่เหตุผลคือเจ้าชายน้อยแบบ CGI สวยสู้แบบ Stop Motion ไม่ได้)


สรุปแล้วเจ้าชายน้อยเป็นภาพยนตร์ที่ทำออกมาดีครับ แต่ดีสู้หนังสือไม่ได้ เพราะผมรู้สึกว่าหนังต้องเปลี่ยนอะไรบางอย่างเพื่อให้เข้ากับการเป็นภาพยนตร์เด็กตามสมัยนิยม แต่ถ้าไม่ติดใจอะไรมากแบบผม มันก็ยังเป็นแอนิเมชั่นที่ดูได้สนุกดี ไม่ว่าจะเคยอ่านหนังสือหรือไม่ก็ตาม



สรุป

+ งานภาพดี
+ เสียงพากย์ดี
+ ส่วนของเจ้าชายน้อยถอดแบบจากหนังสือได้ดีมาก


- ผิดหวังกับการขยายตอนจบของต้นฉบับออกไป
- เสียดายที่งานภาพสองสไตล์กลับไม่ได้เอามาผสมกันในตอนจบ


คะแนน: 7/10

No comments:

Post a Comment