My Little Pony, He-Man, คาเมนไรเดอร์, Transformers ชื่อของรายการเหล่านี้มีความเหมือนกันตรงไหน?
คำตอบคือเพราะมันเป็นรายการที่ถูกผลิตมาเพื่อให้คนไปซื้อของเล่น ผมเป็นคนชอบดูรายการพวกนี้และเคยได้ยินคนบ่นมาบ้างว่าไม่ชอบอันนั้นอันนี้เพราะขายของเล่น และนั่นทำให้ผมฉุกคิดคำถามนึงเข้ามาในหัว
นั่นคือการที่การ์ตูนมันขายของเล่นแบบนี้ มันไม่ดีจริงๆเหรอ?
การ์ตูน My Little Pony นั้นเรารู้ต่างรู้กันแล้วว่าเป็นการ์ตูนที่ผลิตขึ้นเพื่อกระตุ้นเด็กๆที่ดูให้อยากไปซื้อสินค้า ดังนั้นในหลายๆตอนจะมีการแทรก "โฆษณาแฝง" ลงไปเพื่อบอกเด็กๆว่าเรามีสินค้าใหม่มาขายแล้วนะ
การปรากฏตัวของ Paradise Estate ใน My Little Pony: The Movie คือตัวอย่างของโฆษณาแฝงที่ถูกใส่มา
ในช่วงต้นของการพัฒนา Friendship is Magic นั้น Lauren Faust ผู้สร้าง ได้เคยเล่าไว้ว่า Hasbro ไม่เคยมายุ่งเรื่องการผลิตเลย ยกเว้นการใส่บอลลูนในตอนเพลงเปิดเท่านั้น และนั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนชื่นชอบ Friendship is Magic เพราะมันคือการ์ตูนขายของเล่น ที่ไม่ได้ขายของเล่นมากนัก ดังนั้นสินค้าหลายชิ้นแทบจะไม่เกี่ยวกับการ์ตูนเลย เช่น รถยนต์ของ Applejack และ รถไฟของ Pinkie Pie
ทว่าในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Twilight ได้ปีก กลายมาเป็นเจ้าหญิง, Twilight เจออีกโลกที่ต้องกลายเป็นคน และบ้านเก่าของ Twilight ถูกทำลายจนได้บ้านใหม่เป็นปราสาท และนั่นทำให้แฟนๆเริ่มเห็นว่า การขายสินค้าเริ่มรุกล้ำเข้ามาในการ์ตูนแล้ว จากนั้นเสียงบ่น เสียงต่อว่า และความคิดที่ว่า Hasbro กำลังจะทำลายการ์ตูนเรื่องนี้ได้ถูกจุดขึ้นในความคิดของแฟนๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่ My Little Pony ที่เป็น คาเมนไรเดอร์หลังๆตัวละครก็มีกิมมิคแปลกๆเพื่อจะขายสินค้าประเภทถอดใส่สลับชิ้นได้ได้ ขบวนการห้าสีก็มีหุ่นรถรุงรังเพื่อจะได้ขายตัวละครหุ่นเยอะๆ Transformers ภาคล่าสุดที่เปลี่ยนสไตล์เป็นแนวสัตว์ประหลาดประจำสัปดาห์ก็เพื่อจะขายของเล่น
แต่ที่แฟนๆบ่นมานั้นมันเป็นเรื่องไม่ดีจริงๆเหรอ การที่การ์ตูนจะมีเนื้อหาเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ชมไปซื้อของเล่นมันไม่ดีจริงๆเหรอ?
คำตอบคือทั้งใช่และไม่ใช่
ปัญหาของการ์ตูนขายของเล่นคือ มันมียอดขายของเล่นเป็นตัวชี้ขาด ดังนั้นต่อให้เขียนบทและเนื้อเรื่องสนุกขั้นเทพได้แค่ไหน หากยอดขายของเล่นไม่ดี มันก็ถูกตัดจบได้ง่ายๆ เฉกเช่น He-man ของปี 2002 และ Thundercats ของปี 2011 ที่อายุสั้นมากเพราะยอดขายของเล่นไม่ดี และแน่นอนว่าปัญหาที่สองคือหลายคนคงยังติดภาพกับ My Little Pony G3 ที่เน้นการขายของเล่นโดยไม่สร้างเนื้อหาให้สนุกเลยแม้แต่น้อย
แม้เนื้อหาจะสนุก หากยอดขายของเล่นไม่ดีการโดนตัดจบก็ย่อมเกิดขึ้นได้
แต่อยากให้ทุกคนลองมองอีกมุมหนึ่ง นั่นคือการพยายามขายของเหล่านั้นสร้างเปิดโอกาสให้การ์ตูนดำเนินไปในทิศทางใหม่ๆได้ อย่างเช่นการที่ Twilight ได้เป็นเจ้าหญิง ก็ทำให้ Twilight มีประเด็นใหม่ให้เล่นในซีซันต่อๆไป การที่ได้ปราสาทหลังใหม่ ก็แปลว่าจะมีเป้าหมายใหม่เข้ามา และการกลายเป็นมนุษย์ ก็เท่ากับเราจะได้ดูฉบับภาพยนตร์
และนั่นไม่ใช่เรื่องดีเหรอ?
การขายของและคุณภาพการ์ตูนมันเป็นคนละเรื่องกัน อย่าง G3 มันถูกวางให้เป็นการ์ตูนขายของเล่นอยู่แล้ว ดังนั้นคุณภาพในแง่การ์ตูนจึงต่ำติดดิน แต่บางรายการ เช่น Gumdan, Friendship is Magic หรือคาเมนไรเดอร์บางภาค ถูกผลิตออกมาเพื่อให้เป็นรายการที่ทุกคนดูได้และขายสินค้าไปพร้อมๆกัน มันจึงมีคุณภาพและสนุกไม่แพ้รายการที่ไม่ได้ขายของเล่นเลยแม้แต่น้อย
ผมไม่เถียงว่าหลายครั้งเนื้อหามันก็งี่เง่าสุดๆเพื่อจะชี้นำให้ของเล่นปรากฏออกมาในจอให้ได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญนี่นา สิ่งสำคัญคือเราได้ดูรายการสนุกๆตามที่ใจเราต้องการ นั่นมันยังไม่ดีพออีกเหรอ?
ดังนั้นก่อนจะบ่นที่พบเห็นการขายของเล่น อยากให้ถามตัวเองสักครั้งดูก่อนว่า มันจะไม่ดีจริงๆเหรอ? เพราะไม่แน่ว่าถึงจะขายของเล่นกันเละเทะ ถ้าทีมงานดีย่อมทำให้มันเป็นรายการสนุกๆได้ แต่อีกนัยหนึ่งตอให้เป็นรายการที่ไม่ได้ขายของ หากผลิตออกมาห่วยแตก มันก็ย่อมไม่สนุกอยู่ดี ถูกมั้ยล่ะ?
No comments:
Post a Comment