ภาพยนตร์การ์ตูน มันก็เหมือนแฮมเบอร์เกอร์ซักชิ้นนึง ถึงจะต่างร้านต่างยี่ห้อ แต่พื้นฐานมันเหมือนกันหมดคือต้องมีขนมปัง/เนื้อ/ผัก/ซอส (ตัวละคร/เนื้อเรื่อง/แก่นของเรื่อง/รายละเอียด) ดังนั้นแล้วสิ่งที่ทำให้แฮมเบอร์เกอร์แต่ละชิ้นแตกต่าง ก็อยู่ที่การปรุงรสและการเลือกสรรวัตถุดิบของแต่ละร้าน
ที่ผมเทียบกับแฮมเบอร์เกอร์นั้น ก็เพราะ The Good Dinosaur เปรียบเหมือนกับแฮมเบอร์เกอร์ ที่มีโครงสร้างและรสชาติพื้นๆ แต่อร่อยมั้น? มันก็ยังอร่อยอยู่นะ
ในตอนที่ Inside Out เปิดตัวมานั้น ผมยอมรับว่าผมให้คะแนนไอเดียเป็นอย่างแรกเลยคือมันทำให้ผมเกิดความอยากรู้ว่า เนื้อหาจะเป็นยังไง การผจญภัยจะเป็นยังไง ฯลฯ แต่สำหรับ The Good Dinosaur นั้น มันเป็นสูตรสำเร็จเดิมๆที่การ์ตูนหลายเรื่องทำมาแล้ว ทั้งเรื่องของความกล้า (The Lion King) เพื่อนรักต่างเผ่า (Ratatouille) การเดินทางเพื่อไปยังจุดหมายหนึ่ง (มีเพียบเลย) แต่ถึงผมจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ใช่หมายความว่าไม่สนุก มันยังคงสนุกตามมาตรฐาน Pixar อยู่
เนื้อเรื่องกล่าวถึงโลกที่สมมุติว่าถ้าไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์ไปจากโลก สิ่งที่ตามมาคือไดโนเสาร์มีการปลูกพืชไร่แบบมนุษย์ และมนุษย์ก็เป็นฝ่ายกลายเป็นสัตว์แทน ตัวเอกของเรื่องนี้คือ Arlo ลูกไดโนเสาร์ที่ตัวเล็กที่สุดในจำนวนพี่น้องทั้งสามรวมทั้งขี้กลัว แต่วันหนึ่งมี "ตัวตะกละ" แอบเข้ามากินอาหารที่ครอบครัวของเขาต้องเก็บไว้ในฤดูหนาว เพราะความกลัวของ Arlo ส่งผลให้เขาห่างไกลจากบ้าน เขาจึงต้องหาทางกลับบ้านพร้อมกับ Spot เด็กชาวมนุษย์ที่เป็นตัวตะกละไปกับเขาด้วย
ดูก้อนหินบนพื้นสิ ดูซะสิ! ดูความสมจริงของมัน!
สิ่งแรกที่ผมต้องชมคือกราฟฟิค กราฟฟิคเรื่องนี้เนี้ยบและเหมือนจริงมากๆ มากซะจนคิดว่า Pixar แอบฉกภาพจากสารคดีมาแล้วเดิมตัวไดโนเสาร์เข้าไปรึเปล่า เพราะมันเหมือนจริงมากๆ ตัวอย่างเช่นตรงแม่น้ำ คุณจะเห็นหินไม่ซ้ำรูปแบบวางเรียงรายกัน คุณจะเห็นต้นไม้และกิ่งไม้เรียงกันเหมือนเกยตื้นขึ้นมาจริงๆ พอไดโนเสาร์จุ่มคอลงในน้ำคุณจะเห็นสายน้ำเปลี่ยนทิศ เห็นฟองน้ำลอยรอบคอไดโนเสาร์ คือมันเหมือนจริงมากๆจนทึ่ง (รู้สึกนี่น่าจะเป็นเรื่องแรกของ Pixar ที่ทำฉากแบบธรรมชาติใหญ่ๆแบบนี้)
แต่ทว่าในส่วนของการเขียนบทนั้น ค่อนไปทางธรรมดามากๆและไม่ค่อยจะเต็มร้อยเท่าไหร่ หลายฉากไม่มีความน่าสนใจอะไรนอกจากภาพสวย เนื้อหาก็ไม่ครบถ้วน อย่างเช่นทำไมเด็กมนุษย์ถึงอยากอยู่ใกล้ Arlo ก็ไม่มีคำตอบให้ ความสัมพันธ์ระหว่าง Spot กับ Arlo อ่อนมาก เพราะมันไม่มีสถานการณ์หรือเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ทั้งสองเกิดความผูกพันธ์กัน พูดง่ายๆคือบทเหมือนเขียนให้ Spot ชอบ Arlo แล้วก็แค่นั้นแหละ ไม่ได้มีเหตุผลลึกล้ำหรือเหตุการณ์อะไรแสดงออกมาเลย โดยเฉพาะเรื่องประเด็นถ้าอุกกาบาตไม่ได้ชนโลก มันก็เพื่อจะให้เหตุผลที่มนุษย์มาอยู่กับไดโนเสาร์แล้วแค่นั้นแหละ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเรื่องเลย (คือจริงๆถ้าเปลี่ยนมนุษย์เป็นสัตว์จิ๋วๆผมว่าค่าก็เท่ากันและไม่ต้องยกเรื่องอุกกาบาตไม่ได้ชนโลกด้วย)
ขณะที่ตัวละครสมทบนั้นกลับไม่ค่อยหนักแน่นและโดดเด่นเลย อย่างเช่น ไดโนเสาร์วิตกจริตเป็นตัวละครที่น่าสนใจ แต่กลับไม่มีบทบาทอะไรเลยนอกให้เกิดชื่อ Spot ออกมา พอจบซีนแล้วก็จากไป หรือครอบครัวไดโนเสาร์ที่ให้บทเรียนกับ Arlo ก็เหมือนกัน น่าสนใจ แต่พอจบซีนนั้นก็หายไปเลย
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีไปซะทั้งหมด หนังยังมีโมเนท์ที่ผมว่าเรียกอารมณ์ได้ดี เช่นฉากที่ Arlo กับ Spot คุยกัน เนื่องจาก Spot พูดไม่ได้ ฉากนี้เลยค่อนข้างทำออกมาได้ดีที่เห็น Arlo พยายามใช้ของง่ายๆมาเป็นตัวแทนของต่างๆเพื่อสื่อสารกับ Spot หรือฉากที่ Arlo ต้องเจอกับความกลัวของตัวเองก็นับว่าทำได้ดีและน่ากลัวจริงๆ (ซึ่งต้องยกความดีให้กับกราฟฟิค) ตัวละครทั้งหลายในเรื่องก็ออกแบบดี ผมชอบการออกแบบตัวละครของ Arlo ที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่อ่อนแอ (ขาจะลืบๆ) Spot เป็นตัวเรียกเสียงฮากับความน่ารักให้กับเรื่อง ส่วนพวกตัวสมทบก็อย่างที่บอก น่าสนใจ แต่หมดบทแล้วก็หายไปเลย
อันนี้ส่วนตัวไปหน่อย แต่พูดตรงๆเลยคือมผมเกลียดฉาก "เมาผลไม้" มากๆ คือมันหลอนน่ะ ใครอนุมัติฉากแบบนี้ฟร่ะ?
The Good Dinosaur สนุก แต่ไม่ใช่ที่สุดและไม่ได้เป็นประสบการณ์ใหม่ๆเหมือน Inside Out การเขียนบทยังขาดๆเกินๆอยู่และไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากเรื่องภาพ ถ้าจะพาเด็กๆไปดู ระวังฉากเมาผลไม้ด้วย แค่นี้แหละ
สรุป
+ ตัวละครออกแบบดีและน่าสนใจ (แต่บทโคตรน้อย)
+ มีโมเมนท์ดีๆ ฉากตลกๆอยู่พอสมควร
- ไม่มีอะไรใหม่หรือโดดเด่น
- ตัวละครที่น่าสนใจดันหมดบทแล้วหมดเลยไม่มีต่อ
- ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกไม่หนักแน่น
- ฉากเมาผลไม้ (ส่วนตัว)
- ตัวละครที่น่าสนใจดันหมดบทแล้วหมดเลยไม่มีต่อ
- ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกไม่หนักแน่น
- ฉากเมาผลไม้ (ส่วนตัว)
คะแนน: 7/10
เห็นว่าเป็นเรื่องเเรกของ pixar ที่ขาดทุนเลยนะครับเนี่ย TT
ReplyDelete