เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้พูดถึงการ์ตูน The Lion Guard ที่มี Cutie Mark แบบ My Little Pony ซึ่งแฟนๆก็มีการตั้งประเด็นว่ามันจงใจลอก My Little Pony หรือเปล่า บทความวันนี้จึงอยากจะขยายความให้ทุกคนได้เข้าใจว่า การ "ลอก" ไอเดียเนี่ยมันมีมาอย่างไรบ้าง และแบบไหนถึงจะเรียกว่า "ลอก" ของจริง?
| แต่ก่อนจะไปเรื่องนั้น จริงๆ Disney เคยโดนกล่าวหาว่าลอกมาแล้วกับประเด็น The Lion King กับเรื่อง Kimba the White Lion การ์ตูนของ อ.เท็ตสึกะ โอซามุ ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องของลูกสิงโตที่เสียพ่อไป และต้องพบกับวัยเด็กที่ไม่มีพ่อ เนื่องจากเรื่อง Kimba มาก่อน The Lion King และองค์ประกอบบางอย่างก็คล้ายกันเหลือเกิน มีลิงบาบูนเหมือนกัน ผู้ร้ายก็เป็นสิงโตเหมือนกัน มีไฮยีน่าเหมือนกัน มีนกเป็นเพื่อนเหมือนกัน และมักมีพ่อปรากฎตัวออกมาบนฟ้าคอยบอกสิ่งที่ตัวเอกต้องทำ ผมไม่ขอฟันธงอะไรทั้งนั้น ใครอยากเชื่อว่าลอกก็ไม่ว่ากัน แต่ผมจะนำเสนอมุมมองอีกมุมให้ฟังกัน อย่างแรกคือ ไม่มีการฟ้องร้องจากทางญี่ปุ่น จุดนี้สำคัญมา อ.เท็ตสึกะเป็นนักเขียนการ์ตูนระดับโลก ถึงเขาจะเสียชีวิตไปแล้วตอนที่ The Lion King ฉาย แต่ยังไงทายาทหรือผู้ดูแลทรัพย์สินก็ต้องมีฟ้องร้องกันบ้างแหละ อย่างที่สองคือ เนื้อเรื่องมีเซ็ตติ้งเหมือนกันคือแอฟริกา และในเรื่องสิงโตคือเจ้าป่า ดังนั้นถ้าผู้ร้ายไม่ใช่สิงโตด้วยกัน แล้วจะให้เป็นใคร? เป็นช้างเหรอ? ที่ตัวละครอะไรคล้ายๆกันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเซ็ตติ้งมันคือที่เดียวกัน แอฟริกามีสัตว์เด่นๆไม่กี่ชนิด ดังนั้นการหยิบสัตว์พันธุ์เดียวกันมาใช้จึงไม่แปลก |
Kimba the White Lion กับ The Lion King
|
| แต่คือสุดท้ายแล้วไม่มีคำตอบที่แท้จริง เพราะ The Liong King ก็มีเนื้อเรื่องและเนื้อหาที่ต่างกับ Kimba รวมทั้งส่วนใหญ่เวลาอ่านคอมเมนท์หลายคนใช้ความเป็น "แฟนบอย" เข้าข่มกันมากกว่า แฟนบอยญี่ปุ่นก็เชื่อว่าลอกเพราะมาก่อน แฟนบอยฝรั่งก็เชื่อว่าไม่ได้ลอกเพราะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นผมไม่สรุปอะไรทั้งนั้น (ยกเว้น Nadia กับ Atlantis อันนี้ผมค่อนข้างเชื่อว่า Disney ลอกมา) | |
|
เพราะความนิยมของ Charlie's Angels
ทำให้เกิดการผลิตการ์ตูนที่มีคำว่า Angels อยู่ในเรื่องเพื่อเกาะกระแส |
วกกลับมาที่ประเด็นหลักของเรากันต่อ ในการผลิตสื่อออกมาสักชิ้นนั้น สิ่งสำคัญคือต้องการให้ "ขายได้" จึงไม่แปลกที่จะมีการหยิบยืมไอเดียที่ประสบความสำเร็จก่อนหน้าเพื่อเกาะกระแสนิยม ซึ่งมันมีมาตั้งนานแล้ว เช่นในยุค 80 ซึ่งมีกรณีของ Charlie's Angels ซีรี่ส์สายลับที่ดังมากๆ จนค่ายการ์ตูนคิดเกาะกระแสนี้ด้วยการผลิตการ์ตูนให้มีคำว่า Angels ในชื่อเรื่อง จนถึงทุกวันนี้การเกาะกระแสยังมีอยู่ ไล่มาตั้งแต่วงการหนังที่มีหนังแนว Mockbuster ที่ตั้งชื่อคล้ายหนังดังเพื่อหลอกให้คนหยิบผิด ในวงการเกมมีเกมที่ใช้แนวทางคล้ายๆกัน เช่น Monster Hunter ที่เป็นต้นแบบเกมแนว "ล่าสัตว์ประหลาด" ที่ทำให้ค่ายอื่นทำออกมาเหมือนๆกัน หรือแม้แต่วงการหนังสือ เช่น ไลท์โนเวล ที่มีการผลิตเนื้อหาที่คล้ายคลึงกับออกมาตามกระแสในเวลานั้น เช่น แนวติดอยู่ในเกม หรือแนวตายเกิดใหม่/ถูกอัญเชิญมาต่างโลก |
แต่ถ้าถามว่าสิ่งเหล่านั้นคือการลอกมั้ย? ก่อนจะตอบคำถามนี้ก็ต้องเข้าใจกันก่อนว่า ลอกมันคืออะไรกันแน่ ลอก หมายถึงการขโมยไอเดียของสิ่งต่างๆและนำมาเป็นของตัวเอง อย่างเช่นกรณีของ "พี่จีน" ที่ก็อปปี้ทุกอย่างตั้งแต่สากกระเบือยันเรือดำน้ำเพื่อนำมาขายเป็นสินค้าตัวเอง หรือกรณีของเด็กมัธยมขโมยไอเดีย MV ของต่างประเทศมาเพื่อเข้าประกวด แบบนี้คือลอกชัดๆอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วการเกาะกระแสคือการลอกหรือไม่ การจะตอบคำถามนั้นได้ต้องถามก่อนว่าแล้วแก่นของมันเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ผลงานทุกชนิดล้วนมีแก่นของมันทั้งนั้น ถ้าผลงานคล้ายกันแต่แก่นของมันต่างกัน มันไม่ใช่การลอกเลียนแบบ แต่เป็นการตีความใหม่ต่างหาก ยกตัวอย่างเช่นกรณีกระแสนิยายรหัสคดีดังขึ้นมาในช่วงที่ Sherlock Holmes ดังขึ้นมานั้น นักเขียนหลายคนต่างรังสรรค์นักสืบในรูปแบบของตัวเองขึ้นมามากมายซึ่งล้วนแต่เป็นการตีความนักสืบในแบบของนักเขียนแต่ละคน การตีความอะไรใหม่ๆนี่แหละที่ตัวก่อกำเนิดการสร้างสรรค์อย่างแท้จริง เพราะเป็นการสร้างความหลากหลาย สามารถพัฒนาต่อยอดได้ และทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น ทุกวันนี้ผลงานสร้างสรรค์ส่วนใหญ่ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่มีอยู่แล้วมาตีความใหม่อยู่มากมาย เช่น Batman ที่ต่อยอดจาก Zorro อีกทีหนึ่ง เป็นต้น
ถึงทั้ง 3 เกมจะมีไอเดียเดียวกัน แต่ความแตกต่างทางองค์ประกอบอื่นๆ
สร้างความแตกต่างให้กับผู้บริโภคได้เลือกสรรค์เกมที่เหมาะกับรสนิยมได้
นอกเหนือจากการจงใจหยิบยืมไอเดียที่มีมาตีความใหม่แล้วยังมีอีกกรณีหนึ่ง นั่นคือบังเอิญเหมือนกัน คนที่เคยสร้างสรรค์ผลงานอะไรขึ้นมาย่อมเคยเจอบ้างที่สิ่งที่เราคิดบังเอิญไปตรงกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว ดังเช่นกรณีของ Dennis the Menace ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมปี 1951 เมื่อนักเขียนการ์ตูนชาวอเมริกันและชาวอังกฤษที่อยู่คนละประเทศ ต่างบังเอิญสร้างสรรค์ตัวละครขึ้นมาเหมือนกันในชื่อเหมือนกัน คือ Dennis the Menace และปรากฎตัวในเดือนเดียวกัน ถือเป็นเรื่องบังเอิญที่เหลือเชื่อสุดๆ (ต่อมา Dennis อังกฤษ เปลี่ยนชื่อเป็น Dennis the Gnasher เวลาไปขายนอกประเทศอังกฤษ)
เกิดปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน สัปดาห์เดียวกัน ชื่อเหมือนกัน ชุดเหมือนกัน แต่อยู่คนละประเทศ
ทีนี้ก็มาถึงเรื่อง My Little Pony กันบ้าง จริงๆแล้วไอเดียใช้เครื่องหมายบอกลักษณะตัวละครนั้น Care Bears ทำออกมาก่อนแล้วถึง 3 ปี แบบนี้แปลว่า My Little Pony ลอกมาใช่มั้ย? มันก็ตอบไม่ได้ Bonnie อาจจะคิดมาก่อนแล้วมันบังเอิญตรงกันก็ได้ ดังนั้นแล้ว The Lion Guard ที่มีเครื่องหมายที่หัวไหล่ตัวเอก ก็เหมือนกัน อาจจะเป็นการหยิบยืมมาใช้ หรืออาจจะเป็นการวิจัยตลาดและการผลิตของเล่นมาแล้วบังเอิญตรงกัน และไม่แน่ว่า The Lion Guard อาจจะเป็นการตีความใหม่ที่ต่างจาก My Little Pony ก็เป็นได้
ดังนั้นสรุปแล้วเราจะวัดได้อย่างไรว่าอะไรคือลอกไม่ลอก คำตอบคือ ถ้ามันคล้ายๆกันมันนับว่าลอกได้ทั้งนั้นแหละ (ภาษาอังกฤษมีคำว่า Rip off อยู่) แต่คุณค่าของมันจะนับว่าลอกไม่ลอกก็ต้องดูที่ว่าหยิบยกมาทั้งหมดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ถ้าแก่นของมันเปลี่ยนไปเป็นอีกมุมมองหนึ่ง ก็นับว่ามันได้เปลี่ยนตัวเองไปสู่การตีความใหม่แล้ว
-LimeSherbet
Source:
https://www.youtube.com/watch?v=lusYgY7p7uA
http://www.cracked.com/article_18788_the-5-most-mind-blowing-coincidences-all-time.html
http://www.comicvine.com/dennis-the-menace/4005-46180
http://www.comicvine.com/dennis-the-menace/4005-30034





No comments:
Post a Comment