[Review] The Angry Birds Movie - นกพิโรธลงจอใหญ่



ผมยอมรับตรงๆว่า ผมเป็นหนึ่งในพวกที่ไม่เข้าใจว่า Angry Birds มันดังโลกแตกได้ยังไงกัน คือออกมาซัก 2-3 ภาคน่ะได้ แต่นี่ออก 5-6 ภาค มีไปแข่งแฟนพันธ์แท้ด้วย อะไรมันจะขนาดนั้น?

แต่ในเมื่อมันกลายมาเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นแล้วก็ขอดูซะหน่อยละกัน

The Angry Birds Movie เล่าถึงเหตุการณ์บนเกาะนก ซึ่งนกทุกตัวบินไม่ได้เพราะมีความสุขกับที่นี่มากจนไม่คิดบินไปไหน Red นกสีแดงที่มีปัญหาเรื่องควบคุมอารมณ์โกรธเลยถูกส่งไปควบคุมอารมณ์ และได้พบกับ Chuck และ Bomb วันหนึ่ง หมูปรากฎตัวออกมาโดยอ้างว่ามาเพื่อสันติ แต่ Red กลับไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ก็เลยพาเพื่อนๆของเขาออกตามหา Mighty Eagle นกในตำนานตัวเดียวบนเกาะที่บินได้และรอบรู้ทุกอย่าง

สิ่งหนึ่งที่ผมต้องชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการปรับเปลี่ยนการออกแบบจากเกมให้เข้ากับภาพยนตร์ได้ดีมากๆ องค์ประกอบที่เกมมี เช่น การใช้หนังสติ๊ก นกชนิดต่างๆ หรือฉากในเกมก็ถูกถ่ายทอดลงมาได้ดี (เช่น พวกนกต้องใช้หนังสติ๊กเพราะบินไม่ได้ และที่บินไม่ได้เพราะอยู่กันมีความสุขมากจนไม่มีความจำเป็นต้องบิน) รวมไปถึงการออกแบบตัวละครที่จากเดิมเป็นแค่นกก้อนกลมๆ การเติมแขนขาเพิ่มเข้ามากลับทำให้ดูดีขึ้นมาก ผมว่าแฟนเกมนี้คงจะสนุกกับการชี้ว่านกแต่ละตัวคือตัวไหนในเกม (ซึ่งก็เอามาจกเกม Angry Birds และภาค Stella)


ตัวหนังโฟกัสไปที่บทตลกเป็นหลัก เรียกได้ว่าถ้าใครชอบตลกต้องชอบเรื่องนี้แน่ มุขตลกมีแทบทุกฉากให้ขำตลอด (แต่จะดีหรือแป้กนั่นก็เรื่องนึง) ทั้งจากการกระทำเปิ่นๆของตัวละคร มุขเจ็บตัว รวมไปถึงมุขล้อเลียนวัฒนธรรมปัจจุบันพวกนี้ก็มีมากเหมือนกัน งานภาพถือว่าดีใช้ได้ นี่อาจจะเป็นงานใหญ่งานแรกของ Rovio Animation ล่ะมั้ง แต่กลับทำได้ดีไม่แพ้ค่ายใหญ่ๆ ฉากที่ต้องใช้ความรวดเร็วอะไรพวกนี้ทำได้ดี โดยเฉพาะช่วงท้ายที่ไปบุกเมืองหมูผมว่าสนุกและฉับไวใช้ได้เลย พูดถึงเรื่องการดำเนินเรื่องแล้วมีอย่างนึงที่ผมค่อนข้างชอบหนังไม่ได้ดำเนินตามสูตรสำเร็จของหนังแอนิเมชั่นในยุคนี้ ที่จะต้องมีเหตุการ์ณเรียงลำดับกัน 1 2 3 4 ผมว่ามันมีเอกลักษณ์ดีนะ

แต่ทว่าจุดด้อยสำคัญของเรื่องนี้คือ waste potential หรือก็คือเสียของ เพราะเรื่องนี้มีองค์ประกอบน่าสนใจแต่กลับไม่มีการสานต่อหรือเน้นย้ำประเด็นให้หนักแน่น อย่างเช่นความโกรธของ Red มาจากเรื่องสมัยเด็กที่หาเพื่อนไม่ได้และไม่มีพ่อแม่ หรือตอนแรกที่ Red เอาเรื่องความโกรธมาตั้งคำถามว่าต้องคิดเหมือนกันด้วยเหรอ ซึ่งผมว่ามันน่าจะสามารถต่อยอดเป็นประเด็นที่ดีให้กับเรื่องได้ แต่ไม่อ่ะ มีช่วงเดียวแล้วหายต๋อมซะงั้น เหมือนหนังอยากจะดันเราไปให้ถึงช่วงท้าย ประเด็นอะไรต่างๆเลยเหมือนมีไว้แค่ประดับเฉยๆ


ปัญหาอีกจุดหนึ่งของบทคือหนังดำเนินเรื่องเร็วและมีไอ้นั่นไอ้นี่มากไปจนแทบไม่ได้เซ้ตติ้งอะไรเลย ความสัมพันธ์ระหว่าง Red, Chuck กับ Bomb นั้นแทบไม่ทำอะไรก็สนิทกันเฉยเลย รวมไปถึงการที่จู่ๆนกมีความสามารถเมื่อถูกยิงออกมาโดยไม่มีเหตุผล มันมีได้ไง มันทำได้ไง คืออย่างนกบูมเมอแรงนั่นอันนั้นโอเค มันไม่แปลก แต่ Matilda ที่ปล่อยระเบิดหรือ Bubble ที่พองตัวได้นี่คือจู่ๆทำได้ยังไงเนี่ย?

แต่จุดที่น่าสนใจของเรื่องนี้ Soundtrack ของเรื่องที่เอาเพลงดังๆมารวมกัน ตั้งแต่ Limp Bizkit, Scorpions, Rick Ashley, เพลง I will Survive ในตัวอย่างก็ใช้เพลง Bad ของ Michael Jackson แต่ทว่ากลับไม่น่าประทับใจเลยแม้แต่นิดเดียว ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีเพราะใช้เพลง "Rick Roll" หรืออะไร (Never Gonna Give You Up หรือเพลงที่ฝรั่งชอบเอาไว้ดักคนอื่น) แต่ผมรู้สึกว่าบางโมเมนท์มันไม่เหมาะที่จะมีเพลงจริงๆ บางเพลงเปิดได้ไม่ถึงสิบวิก็จบ จนผมต้องตั้งคำถามว่าฉากนี้ต้องมีเพลงจริงๆเหรอ? หรือแม้แต่เพลงหลักของเรื่องอย่าง Friends นั้นก็เปิดในช่วงที่ไม่ค่อยตรงกับเนื้อหาเท่าไหร่นัก เสียดายน่ะ ทั้งๆที่เพลงมันก็ดีนะ

Stella เป็นตัวละครที่เด่นมากนะ แต่ทำไมในหนังไม่มีบทอะไรให้เลย

หนึ่งในเรื่องนึงที่ผมค่อนข้างสงสัยบางครั้งผมได้ยินเหมือนคนพูดว่าหนังไม่ดีเพราะมันมาช้า ซึ่งผมเข้าใจว่าหนังมันช้าไปจริงๆ เพราะกระแสเกมไม่มีแล้ว มันอาจจะขายไม่ออกก็จริง แต่มันไม่น่าจะเกี่ยวกับคุณภาพหนังนะ ขนาดผมไม่เคยเล่นเกมนี้แม้แต่ฉากเดียว ผมยังรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น

The Angry Birds Movie ถือว่าใช้ได้นะสำหรับภาพยนตร์ที่มาจากเกม มุขตลกง่ายๆ เนื้อหาง่ายๆ ถ้าไปดูแบบไม่คิดอะไรมากผมว่าพอรับได้อยู่นะ แต่ถ้าอยากจะคาดหวังอะไรกลับมาคงยังไม่ได้เท่าไหร่



สรุป

+ การเปลี่ยนแปลงจากเกมถ่ายทอดมาสู่ภาพยนตร์ทำได้ดีมากๆ
+ บทตลกเยอะดี
+ งานภาพดี ฉากตอนท้ายสนุกดี

- มีโอกาสที่จะสร้างเนื้อหาที่ดีได้แต่ไม่ทำ
- บทเขียนไม่ดีเท่าไหร่
- Soundtrack ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

คะแนน: 7/10

No comments:

Post a Comment