[Review] Rudolph the Black Cat - เมื่อญี่ปุ่นทำภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3D แบบฝรั่ง
ใครๆก็รู้กันว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ชอบงาน 2D มากๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ทุกวันนี้ ขณะที่ทั้งโลกมุ่งหน้าไปทางงาน 3D ซึ่งทุนน้อยกว่า ทำได้ง่ายกว่า และเข้าถึงคนง่ายกว่า ญี่ปุ่นก็ยังยึดมั่นกับ 2D ต่อไป แต่ญี่ปุ่นเองก็รู้ตัวว่างานตัวเองขายในต่างชาติไม่ได้ รวมถึงภาพยนตร์ต่างชาติทำเงินในญี่ปุ่นได้มหาศาล (Frozen ทำเงินในญี่ปุ่นได้สองร้อยกว่าล้าน ซึ่งชนะการ์ตูนในชาติตัวเองแทบทุกเรื่องยกเว้น Spirited Away) ดังนั้นแล้วผมเชื่อว่าญี่ปุ่นคงคิดพยายามตีตลาดต่างชาติ โดยเริ่มจาก Stand by Me จึงได้ทำเป็น 3D เพื่อเน้นขายให้ต่างชาติ แต่แน่นอนว่า Stand by Me มันคือโดเรมอน ดังนั้นเนื้อหาและความสนุกมันก็คือโดเรมอน ดังนั้นมันบอกไม่ได้ว่าตกลงแล้วมันทำดีจริงๆเทียบเคียงค่ายใหญ่ๆได้หรือไม่
สำหรับ Rudolph the Black Cat หรือชื่อญี่ปุ่น Rudolf to Ippaiattena นั้น จึงเป็นที่น่าสนใจเพราะเรียกได้ว่าเดินตามสเต็ปวิธีของค่ายฝรั่งใหญ่ๆเป๊ะ ไล่มาตั้งแต่สร้างจากนิยายที่ขายดี (ไม่ได้มาจากไลท์โนเวลหรืออนิเมะเพื่อขายโอตาคุ) ทำ 3DCG ตามยุคสมัย ใช้สัตว์เป็นตัวดำเนินเรื่อง ใช้ Social Network เป็นตัวโฆษณา และแน่นอนคือขายของเล่น ดังนั้นนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำแอนิเมชั่นเทียบเคียงต่างชาติได้หรือไม่ ก็ตัดสินก็ตรงนี้แหละ
First Impression: Mighty Magiswords - รีวิวมาจิซอร์ด!!
ตั้งแต่ต้นปีมานี้เราได้ยินข่าวร้ายมาอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะการปิดตัวลงของการ์ตูนดีๆ เช่น Gravtyi Falls, Gumball, Regular Show และล่าสุดคือ Adventure Time ดังนั้นจึงแปลได้ว่าตอนนี้การ์ตูนทีวีกำลังเข้าสู่ยุคใหม่และกลุ่มผู้ชม Gen ใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีที่ประทับใจอยู่พอสมควร เช่น The Loud House (Nick) Atomic Puppet (Disney XD) Voltron (Netflix) แต่สำหรับฝั่ง Cartoon Network นั้นกลับไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่นัก ถึงแม้จะมีดีๆอย่าง We Bare Bears แต่อย่าง Teen Titans Go และ The Powerpuff Girls Reboot รวมถึง Ben 10 รีบู๊ทด้วยซึ่งดูทีท่าแล้วไม่น่าจะไหว ดังนั้นแล้วสำหรับการ์ตูนใหม่อย่าง Mighty Magiswords จึงเป็นที่น่าจับตามองว่ามันจะช่วยกอบกู้ความมั่นใจของแฟนๆที่มีต่อ Cartoon Network ได้หรือไม่
Subscribe to:
Posts (Atom)